การอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ
เสียงพยัญชนะในภาษาอังกฤษ
เสียงพยัญชนะที่ยากต่อการออกเสียงของคนไทยคือ CH, G, L, R, S, SH, TH, V, W, X, และ Z
เสียงพยัญชนะส่วนใหญ่จะเป็นไปตามที่มีการเรียนการสอน โดยเสียงบางคำจะมีการดัดแปลงให้ง่ายต่อการออกเสียง หรืออาจจะมีการอ่านตาม ภาษาอังกฤษสำเนียงอังกฤษ เสียงพยัญชนะทั้งหมดเรียงตามลำดับตัวอักษรภาษาอังกฤษดังนี้
- B -- บ ใบไม้ เช่น boy บอย
- C -- เป็นได้ทั้ง ซ โซ่ และ ค ควาย และ ก ไก่ โดยส่วนมากจะใช้
- --CA, CO, CU -- ค ควาย เช่น car คาร์, come คัม, cute คิ้วท์
- --CE, CI, CY -- ซ โซ่ เช่น cell เซลล์, city ซิตี้, cylinder ไซลินเดอร์
- --SC -- ก ไก่ เช่น scar สการ์, screen สกรีน, scuba สกูบา
- อย่างไรก็ตาม มีหลายคำที่ไม่ได้เป็นไปตามข้อกำหนด
- D -- ด เด็ก เช่น dog
- F -- ฟ ฟัน เช่น fun
- G -- จะไม่มีเสียงในภาษาไทย แต่จะเป็นเสียงควบของ ก ไก่ กับ ง งู หรือ เสียงควบของ จ จาน กับ ย ยักษ์
- H -- อ่านว่า เอช (ในอังกฤษอเมริกัน) ออกเสียง เหมือน ห หีบ และ ฮ นกฮูก เช่น hello เฮลโล
- J -- จ จาน เช่น jet เจ็ท
- K -- เป็นได้ทั้ง ค ควาย และ ก ไก่ และเสียงเงียบ
- เสียงต้น -- ค ควาย เช่น kilogram คิโลแกรม
- SK -- ก ไก่ เช่น sky สกาย ski สกี
- KN -- เสียงเงียบ (ไม่ออกเสียง) เช่น knee, นี knock, น็อค know โนว์
- L -- คล้ายกับ ล ลิง สำหรับเสียงต้น และคล้ายกับเสียง ว แหวน สำหรับเสียงสะกด
- เสียงต้น เช่น lance แลนซ์, look ลุก
- เสียงสะกด เช่น mill มิว, oil โออิว
- โดยเสียงของ ตัวอักษร L ออกเสียงโดยการ ลากลิ้นไปแตะ โคนฟัน เหมือนคำว่า mill อ่านว่า มิว แล้วลากลิ้นไปแตะที่โคนฟันซี่กลางด้านบน
- M -- ม ม้า เช่น money มั้นนี่
- N -- น หนู เช่น no โน
- P -- พ พาน หรือ ป ปลา
- เสียงต้น -- พ พาน เช่น pest, เพสท์ Peter พีเทอร์
- SP -- ป ปลา เช่น span สแปน, spark สปาร์ค, sport สปอร์ต
- Q -- ค ควาย หรือ ก ไก่
- QU -- ค ควาย ควบ ว แหวน เช่น queen ควีน
- SQU -- ก ไก่ ควบ ว แหวน เช่น squid สกวิด, square สแกวร์
- R -- คล้ายกับ ร เรือ สำหรับเสียงต้น และคล้ายกับคำว่า เออร์ สำหรับเสียงท้าย
- เสียงต้น เช่น row โรว์
- เสียงกลางประโยค เช่น born บอร์น
- เสียงท้าย เช่น fire ไฟเออร์ เสียง R
- โดยเสียงของ ตัวอักษร R ออกเสียงโดยการ ลากลิ้นไปแตะที่เพดานปากด้านบนส่วนหลัง เหมือนคำว่า fire อ่านว่า ไฟ แล้วลากลิ้นไปแตะที่เพดานปาก เสียง เออร์ จะออกมาคล้ายกับเสียง ไฟเออร์
- S -- เสียงต้น ออกเสียง ส.เสือ ถ้าเป็นเสียงลงท้าย ออกเหมือนเสียง ซือออออ ให้เสียงเหมือนลมผ่านช่องกระจก โดยพูดให้เพียงแค่ลมออกจากปาก และลำคอไม่สั่น เป็นเสียงแบบ voiceless)
- เสียงต้น S -- sock ซ๊อกก์
- เสียงท้าย S -- box บ็อกซือ
- T -- ท ทหาร หรือ ต เต่า
- เสียงต้น -- ท ทหาร เช่น tank แทงก์
- ST -- ต เต่า เช่น street สตรีท, star สตาร์
- V -- เสียงเหมือน ว แหวน โดยเป็นเสียงที่ใกล้เคียง กับ V F และ B พูดโดยการกัดริมฝีปาก ก่อนออกเสียง ว แหวน เช่น vail เวลล์
- W (ดับเบิ้ล ยู แต่พูดเร็วเร็ว ก็กลายเป็น ดับ-บ-ลิว) -- เสียงเหมือน ว แหวน แต่มีเสียงก้องในปาก พูดโดยการ ทำปากจู๋ก่อนแล้วตามด้วยออกเสียง ว.แหวน เช่น wow วาว
- X -- เสียงต้น เป็นเสียง ส เสือ และ ซ โซ่ เสียงท้าย เหมือน ค ควาย รวมกับ เสียง เอส
- เสียงต้น -- xylem ไซเร็ม
- เสียงท้าย -- box บ็อกซือ
- Y -- ย ยักษ์ เช่น young ยัง, you ยู
- Z -- (อ่านว่า ซี ในอังกฤษอเมริกัน หรือที่อ่านกันว่า เซท ในอังกฤษสำเนียงอื่น - แต่คนไทยออกเสียงว่า แซด) เสียงเหมือน ส เสือ และ ซ โซ่ เช่น zebra ซี-บร่า
- เสียงอักษร Z ต่างกับ ตัวอักษร C โดยเวลาพูดจะมีการสั่นของเสียง (voice sound) โดยเมื่อเอามือจับที่ใต้ฟันล่าง แล้วพูดเสียงจะมีการสั่นของลำคอ เหมือนกับการออกเสียง บ ใบไม้ กับ พ พาน หรือ เสียง ด เด็ก กับ ท ทหาร (z, บ ใบไม้, พ พาน เป็น เสียงสั่น)
- ตัวอักษรCH ออกเสียงได้ 3 แบบ ได้แก่ /CH/ /SH/ สำหรับคำที่มาจากภาษาฝรั่งเศส เช่น champaign, Chicago /K/ สำหรับคำที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ การศึกษา ดนตรี ประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นคำที่มาจากภาษากรีก เช่น chaos, stomach, architecture
- CH -- เสียง ช ช้าง เหมือนเสียง ท ทหาร ตามด้วยเสียง ช ช้าง พูดโดยการ เอาลิ้นแตะโคนฟัน แล้วพูด เฉอะ
- SH -- เสียง ช ช้างปกติ
- คำที่เสียงแตกต่างกัน ในขณะที่เสียงไทยใกล้เคียงกัน เช่น ship chip, sheep cheap, shop chop ทดสอบที่โปรแกรมทดสอบ1
- CH -- เสียง ค ควาย ก็ได้ ถ้าคำที่ใช้ มาจาก กรีก เป็นในทางความหมาย ทาง ประวัติศาสตร์ ดนตรี การแพทย์ การศึกษา ประมาณนี้ เช่น
- chaos เคออส ความวุ่นวาย stomachache สโตมัคเอค chorus คอรัส
- TH -- เสียงนี้ ไม่มีของไทย แต่ใกล้เคียงกับ /ด/ /ต/ /ส/ (เชื่อมั้ยละ ว่ามันใกล้กับ ส) เวลาออกเสียง เริ่มแรก กัดลิ้นเบาเบา แล้วพูด เช่น * THAT หรือว่า BATH พูดแล้วตอนจบกัดลิ้น THANK YOU กัดลิ้นแล้วพูดดู ไม่ใช่ แต้งกิ้ว แต่มันจะเป็นเสียง ผสม /ต//ซ/
เสียงสระในภาษาอังกฤษ
สระในภาษาอังกฤษ ประกอบไปด้วย ตัวอักษร A E I O U แต่ในการใช้สระ จะมีการใช้ผสมกันดังต่อไปนี้
- ee -- เสียงอี เช่น ฟีด feed
- i -- เสียงอิ เช่น ฟิน fin
- i -- เสียงไอ เช่น ไบ bi (ถ้าไม่มีตัวอะไรต่อท้าย ส่วนมากจะเป็น) ไอ แต่บางทีก็ไม่ใช่
- a_e -- เสียง เอ เช่น เฟด fade
- e -- เสียง เอะ เช่น เฟ็ด fed
- a -- เสียง a มันจะเป็นเสียงกึ่งระหว่าง แอะ กับ อะ วิธีออกเสียง ให้อ้าปากกว้างสุด แล้วพูด เป็นเสียงระหว่างเสียง แฟด กับ ฟัด fad
- u -- เสียง เออะ เช่น เคอะ-พ cup
- o -- คล้ายเสียง เออะ แต่อ้าปากกว้าง cop
- oo -- boot เสียงสระอู
- ull -- bull เสียงที่อยู่ระหว่าง สระ อุ กับสระอู
- o_e -- bone เสียง โอ
- i_e -- fine เสียง ไอ
- oi -- coin เสียง ออย
- ou -- round เสียง อาว
นอกจากนี้ สระที่อ่านออกเสียงแปลกจากสระทั่วไป เนื่องจากมาจาก ภาษาอังกฤษเดิม หรือ ภาษาอื่น เช่นฝรั่งเศส หรือเยอรมัน เช่น
- come -- อ่านเหมือน cum เป็นภาษาอังกฤษเดิม ที่ มาจากคำว่า cume
- dove -- อ่านว่า /ดัฟ/ มาจาก duv สำหรับ คำที่เป็นอดีตของ dive (dove) อ่านว่า โดฟ
- entree -- /อองเทร/ อาหารมื้อหลัก มาจากภาษาฝรั่งเศส
- hors d'œuvre -- ออร์เดิร์ฟ
คำที่มาจากภาษาอื่น ในปัจจุบันคนอเมริกันทั่วไปยังมีการใช้ผิดกันเกิดขึ้น
อักษรเงียบ (Silent Letters)
คำในภาษาอังกฤษมากกว่า 60% มีตัวอักษรที่ไม่ออกเสียง หรือ อักษรเงียบ (อังกฤษ:Silent Letters) ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของตัวอักษรในคำต่างๆ ที่ไม่ต้องออกเสียง
- A
- ea- เช่น treadle (เทร็ดเดิล) bread (เบร็ด) thread (เธร็ด)
- คำที่ลงท้ายด้วย -cally ทั้งหลาย (ซึ่ง al จะไม่ออกเสียง) เช่น technically (เทค-นิค-ลี) logically (ลอ-จิค-ลี) politically (โพ-ลิ-ติค-ลี)
- B
- -mb เช่น lamb (แลม) bomb/bomber (บอม/บอมเมอร์) comb (คม) numb (นัม) thumb (ธัม) tomb (ทูม)plumb/plumber พลัม/พลัมเมอร์
- -bt เช่น debt (เด็ท) doubt (เดาท์) subtle (ซัทเทิล)
- C
- sc- เช่น scissors (ซิสเซอร์ส) science (ไซแอนซ์) scent (เซนท์) muscle (มัสเซิล)
- คำอื่นๆ เช่น acquit (อะควิท) acquire (อะไควร์) czar (ซา/ซาร์) yacht (ย็อท/ย้าท)victual (วิทัล ) indict/indictable (อินไดท์/อินไดเทเบิล) Tucson (ทูซอน) Connecticut (คอนเนทิคัท)
- D
- -dg- เช่น edge (เอ็จ) bridge (บริจ) ledge (เล็จ)
- -nd- เช่น handkerchief (แฮงเคอชิฟ) handsome (แฮนซัม) landscape (แลนสเกป) sandwich (แซนวิช) Windsor (วินเซอร์) รวมทั้ง grand ต่างๆ ที่เป็นปู่ย่าตายาย เช่น grandma/grandmother grandpa/grandfather grandson/granddaughter และ Wednesday (เวนสเดย์ ตัว e ก็เงียบด้วย)
- E
- ส่วนใหญ่ที่ตามท้ายตัวสะกดจะไม่ออกเสียง เช่น fame (เฟม) serve (เซิฟ/เซิร์ฟ) rite (ไรท์) more (มอร์) clue (คลู) vogue (โว้ก) corpse (คอร์พส)
- คำกริยาหลายๆ คำที่ลงท้ายด้วย -en พอเติม -ing หรือ -er ตัว e (และตัว n) ก็จะไม่ออกเสียง เช่น fastening/fastener (ฟาสนิง/ฟาสเนอร์) whitening/whitener (ไวท์นิง/ไวท์เนอร์) softening/softener (ซอฟนิง/ซอฟเนอร์)
- F -- halfpenny (เฮพนี)
- G
- -gn เช่น align (อะไลน์) design (ดีไซน์) gnash (แนช) reign (เรน) champagne (แชมเพน) resign (รีไซน์ แต่ออกเสียงตัว g ใน resignation เรสิกเนชัน)
- -gh (ซึ่งจะไม่ออกเสียงทั้ง g และ h) เช่น light (ไลท์) high (ไฮ) eight (เอท) straight (สเตรท)
- คำอื่นๆ เช่น diaphragm (ไดอะแฟรม)
- H
- wh- เช่น what (ว็อท) where (แวร์) when (เว็น) whisper (วิสเพอร์) whistle (วิสเซิล)
- xh- เช่น exhaust (เอ็กซอสต์) exhibition (เอ็กซิบิชัน) exhibit (เอ็กซิบิท)
- h นำหน้าสระ honor/honour (ออเนอร์) honest (ออเนสต์) hour (อาวร์) heir (แอร์)
- คำอื่นๆ เช่น ghost (โกสต์) khaki (กากี) rhyme (ไรม์) school (สคูล) Thames (เทมส์) Pooh (พู)
- I -- business (บิสเนส)
- J -- ไม่มี
- K -- kn- เช่น knee (นี) know (โน) knight (ไนท์) knowledge (นอเล็จ)
- L
- -al- เช่น talk (ทอค) walk (วอค) chalk (ชอค) calf (คาฟ) half (ฮาฟ) psalm (ซาม) calm (คาม) salmon (แซมอน) almond (อามอนด์)
- -ol- เช่น folk (โฟค) yolk (โยค)
- could/should/would (คู้ด/ชู้ด/วู้ด)
- M -- mnemonic (นีโมนิค) grammar (แกรมาร์ ออกเสียงตัว m แค่ตัวเดียว)
- N
- -mn เช่น autumn (ออทัม) condemn (คอนเด็ม) damn (แดม) hymn (ฮิม) column (คอลัม แต่ออกเสียงตัว n ใน columnist คอลัมนิสต์)
- คำอื่นๆ เช่น monsieur (เมอซู)
- O -- leopard (เล็พเพิด) jeopardy (เจ็พเพอดี)
- P
- pn- เช่น pneumatic (นิวแมติก) pneumonia (นิวมอเนีย)
- ps- เช่น psychology (ไซโคโลจี) pseudo (ซูโด) psalm (ซาม) corps (เอกพจน์อ่าน โค พหูพจน์อ่าน โคส)
- pt- เช่น ptomaine (โทเมน) Ptolemy (โทเลมี) receipt (รีซีท)
- pb- เช่น cupboard (คับบอร์ด) clapboard (คลับบอร์ด) Campbell (แคมเบล)
- คำอื่นๆ เช่น coup (คู) raspberry (ราสเบอรี)
- Q -- ไม่มี
- R
- diarrhea (ไดอะเรีย ออกเสียง r ตัวเดียว)
- ใน British English ตัว r ที่อยู่หน้าพยัญชนะหรือสระตัวอื่น จะเป็นอักษรเงียบ เช่น card (ค้าด) fork (ฟ้อค) แต่ใน American English จะออกเสียง (คาร์ด ฟอร์ค)
- S
- -sl เช่น isle (ไอล์) island ไอแลนด์ aisle (ไอล์ เหมือน isle เลย a ตัวแรกก็เงียบด้วย)
- คำอื่นๆ เช่น Illinois (เอ็ลลินอย) bourgeois (เบอร์จัว)viscount (ไวเคานท์) fracas (เฟรคา แต่คำนี้อเมริกันออกเสียงตัว s ด้วย จะออกเป็น เฟรคัส) debris (เดบรี) apropos (อัพโพรโพ)
- T
- st- เช่น listen (ลิสซึน) fasten (ฟาสเซน) castle (คาสเซิล) rustle (รัสเซิล) asthma (แอสมา) Christmas (คริสต์มาส) tsunami (ซูนามิ)
- -et เช่น ballet (บัลเล) buffet (บัฟเฟ) gourmet (อังกฤษ กัวเม อเมริกัน กัวร์เม)
- ft- เช่น soften (ซ็อฟเฟน) often (อ็อฟเฟน แต่คำนี้ออกเสียงตัว t ด้วยก็ได้ อ็อฟเทน)
- rapport (รัพพอร์)
- U -- u ที่นำหน้าสระ ไม่ออกเสียง เช่น guard (กาด/การ์ด) guess (เกส) build (บิลท์) guide (ไกด์) four (ฟอ/ฟอร์ เหมือน for) tongue (ทังก์) colleague (คอลลีก) cheque (เช็ค)
- V -- ไม่มี
- W
- wr- เช่น write (ไรท์) wrong (รอง) wrist (ริสต์)
- sw- เช่น sword (ซ้อด) answer (อานเซอร์)
- wh- เช่น whore (ฮอร์) whole (โฮล) who (ฮู)
- rw- เช่น Norwich (นอริช) Warwick (วอริค)
- คำอื่นๆ เช่น two (ทู) Greenwich (กรีนนิช)
- X -- faux pas (โฟ พา) Sioux (ซู)
- Y -- say (เซ) mayor (เมเออร์/แมร์)
- Z -- rendezvous (รอนเดวู) laissez-faire (ลัซเซแฟร์) chez (เช)
เสียง พยัญชนะ ท้ายประโยค
เสียงท้าย -s, -es, -ed
- -s ก็ตามด้วย เสียง s ปกติ คือ ลากเสียง s ออกไปตอนจบประโยค
- -es เจ้าของภาษาจะออกเสียง /อิส/ แต่ตามความคุ้นเคยของคนไทยมักออกเสียงชัดเจนว่า /เอส/ อย่างเช่น
- boxes -- บ้อกซิส (เจ้าของภาษา) บ๊อกเซส (สำเนียงสะดวกลิ้นไทย)
- glasses -- แกล็สซิส (เจ้าของภาษา) กลาสเสส (สำเนียงสะดวกลิ้นไทย)
- -ed อันนี้มีสองแบบ ถ้าตามด้วย ตัว T หรือ D จะเสียง /เอ๊ด/ หรือ /อึ๊ด/ แต่ถ้าไม่ใช่ให้ ออกเสียง /เดอะ/
- reloaded -- รีโหลดดิด (เจ้าของภาษา) ลีโล้ดเด๊ด (สำเนียงสะดวกลิ้นไทย)
- wanted -- ว้อนถิด (เจ้าของภาษา) ว้อนเต๊ด (สำเนียงสะดวกลิ้นไทย)
- notified -- ก็ไม่มีเสียง ed แต่จะมีเสียง d ในลำคอ
เสียงพยัญชนะท้าย
- หลายๆคำที่มีพยัญชนะท้ายจะมีเสียงเบาๆที่ไม่ควรละ
- เสียง -nd เช่น finding ออกเสียง ฟาย(อืน)ดิ่ง หรือ บางครั้งอาจได้ยิน ฟายนิ่ง
- เสียง -ne เช่น line ออกเสียง ละอิน (รวบเป็นหนึ่งพยางค์) ต่างจาก lie ออกเสียง ลาย
- เสียง -le เช่น mobile ออกเสียง โม-บะอิล (สองพยางค์) หรือ บางครั้งอาจได้ยิน โม-บึล
- เสียง -le เช่น file ออกเสียง ฟะอิล (รวบเป็นหนึ่งพยางค์) หรือ บางครั้งอาจได้ยิน ฟาว ต่างจาก fine ออกเสียง ฟาย(อืน) หรือ fire ออกเสียง ฟายเออ
การเทียบสระตามเสียงสระไทย
เสียงสระไทย | เสียงสระอังกฤษ | ตัวอย่าง |
อั, อะ, อา | a | Bancha บัญชา Rama รามา Pracha ประชา |
อิ | i | Pichit พิชิต Prasit ประสิทธิ์ |
อี | ee, i | Thawee ทวี Mani มานี |
อึ | ue | Somnuek สมนึก Banbueng บ้านบึง |
อื | ue | Chuanchuen ชวนชื่น Boonyuen บุญยืน |
อุ | u, oo | Prathum ประทุม Puttida พุทธิดา |
อู | oo | Jaroon จรูญ Manoon มนูญ |
เอะ, เอ | a, e | Suthep สุเทพ Wiradet วีรเดช |
แอะ, แอ | ae | Saengthip แสงทิพย์ Dindaeng ดินแดง |
โอะ, โอ | o | Sopa โสภา Sopon โสภณ |
เอาะ, ออ | o, or | Somporn สมพร U-dorn อุดร |
อัวะ, อัว | ua | Buapa บัวพา Chuanpit ชวนพิศ |
เอียะ, เอีย | ia, ie | Samniang สำเนียง Chiengsaen เชียงแสน |
เอือะ, เอือ | ue | Donmueng ดอนเมือง Rungrueng รุ่งเรือง |
อำ, อัม | am | Amporn อำพร Chamlong จำลอง |
อัน, รรณ | an | Anchali อัญชลี Worawan วรวรรณ |
เอา, อาว | ao | Saowapa เสาวภา Daojai ดาวใจ |
ไ, ใ, อัย | ai | Chanchai ชาญชัย Winai วินัย |
เอย, เอียว, เอือย | uai, oei | Chaluai เฉลียว Loei เลย |
อิว, อิ้ว, อิ๋ว | iu | Jiu จิ๋ว Bantiu บ้านติ้ว |
อวย, อ้วย | uay | Puay ป๋วย Kluaymai กล้วยไม้ |
เอะ, เออ | er, ir, ur, oe | Therdthai เทอดไทย Amphoe อำเภอ |
ที่มา http://aunchaleegosa.blogspot.com/
Intonation
นอกจากการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษแล้ว
การเรียนการออกเสียงในภาษาอังกฤษก็เป็นสิ่งสำคัญ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่มี Intonation แล้ว intonation คืออะไร? มันก็คือเสียงขึ้นลงที่เราใช้ในเวลาพูด
ถ้าสังเกตฝรั่งเวลาพูดเขาจะไม่พูดเสียงราบเรียบทั้งประโยค จะมีการขึ้น การลงของเสียง
ซึ่งถ้าหากว่าเราอยากพูดภาษาอังกฤษให้ได้เหมือนเจ้าของภาษาเราก็ต้องมารู้จักหลักการในการออกเสียงขึ้นลงเหล่านี้
นอกจากนี้ยังช่วยในการฟังภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อีกด้วย
โดยปกติแล้ว
รูปแบบของ intonation ในภาษาอังกฤษจะมี 2 รูปแบบหลักๆคือ
1. falling intonation การลงเสียงต่ำ
2. rising intonation การขึ้นเสียงสูง
1. falling intonation การลงเสียงต่ำ
2. rising intonation การขึ้นเสียงสูง
หลักการใช้คร่าวๆของแต่อันมีดังนี้ค่ะ
1. falling
intonation ให้สังเกตคำที่ขีดเส้นใต้จะเป็นคำที่ลงเสียงต่ำ
1.1 ใช้กับประโยคที่มีใจความสมบูรณ์ธรรมดา เช่น
1.1 ใช้กับประโยคที่มีใจความสมบูรณ์ธรรมดา เช่น
- It was
quite bad.
- I want to
see him again.
1.2 ใช้สำหรับคำลงท้ายของประโยคคำถามแบบ Wh-question เช่น
- What do
you usually eat for lunch?
- Who is that?
- What’s it?
1.3 ใช้กับประโยคคำสั่งที่เน้น เช่น
- Don’t make
loud noise.
- Sit down.
2. rising
intonation
2.1 ใช้ลงท้ายประโยคคำถามที่เป็นแบบ yes / no question
2.1 ใช้ลงท้ายประโยคคำถามที่เป็นแบบ yes / no question
- Is she a teacher?
- Have you
seen him?
- Can I see it?
2.2 ใช้กับประโยคบอกเล่าธรรมดาที่เราต้องการให้มันเป็นคำถาม
เช่น
- You like it?
- I can’t go?
2.3 ใช้ในการแสดงการทักทาย เช่น
- Good Morning
- Good afternoon
- Good evening
2.4 เวลาต้องการเกริ่นนำก่อนเข้าเนื้อหา
เราสามารถพูดวลีที่เป็นการเกริ่นนำให้เป็นเสียงสูงได้ เช่น
- As we know, Thailand
is an agricultural country.
2.5 ในการพูดถึง
สิ่งของที่มีหลายอย่างเป็นหมวดหมู่
เรามักขึ้นเสียงสูงทุกคำแล้วลงเสียงต่ำที่คำสุดท้าย เช่น
- I like to
eat vegetables like carrot, tomato, and cabbage.
การเน้นเสียง
(stressing)
การเน้นเสียง
(stressing)
การเน้นเสียงในภาษาอังกฤษทำได้โดยการทำให้เสียงดังขึ้น
หรือทำให้เสียงสูงขึ้น
การเน้นเสียงของคำ
คำศัพท์แต่ละคำ
จะมีการเน้นเสียงในแต่ละที่ ขึ้นอยู่กับคำ สามารถตรวจสอบได้โดยการเปิดดิกชันนารี
ตัวอย่างเช่น
(ตัวใหญ่คือเสียงที่เน้น)
- Option
--/OP-tion/ เสียงเหมือน
อ้อป-ชัน
- canal --
/ca-NAL/ เสียงเหมือน
คะ-แนล (ลากเสียง แนล)
- deposit --
/de-PO-sit/ เสียงเหมือน
ดิ-พ้อ-สิท
- spaghetti
--/spa-GHET-ti/ สเปอะ-เก๊ต-ทิ
อันนี้แปลกหน่อย เน้นตัวที่สาม
การเน้นเสียงในประโยค
ในประโยคจะมีการเน้นเสียงหลายจุด
ยกเว้นคำที่เป็น pronoun และ preposition และคำท้ายสุดของประโยคจะมีการเน้นเสียงหนักสุด ที่เรียกว่า
เสียงเน้นหลัก(Primary Stress)
เช่น
- If you
don't want to add a poll to your topic.
- If you don't
want to add a poll to
your topic.
- I don't
think that control is in OPEC's hands.
- อ่านเป็น I don't think that control is
in OPEC's hands.
เสียงเชื่อม
(Linking)
เสียงเชื่อมเป็น เสียงต่อเนื่อง
ระหว่างคำที่อ่านต่อเนื่องกัน โดยเสียงสะกดของคำแรก
จะออกเสียงต่อเนื่องมาเป็นเสียงพยัญชนะต้นของคำที่สอง ตัวอย่างเช่น
- It's a
book - จะออกเสียงเหมือน
/its-sa-book/
อ่าน
อิทซ์-ซะ-บุ้ค ไม่ใช่
อิทซ์-อะ-บุค
- Can you
add a poll? - จะออกเสียงเหมือน
/can-you-add-da-poll/
อ่าน
แคน-ยู-แอด-ดะ-โพล โดยคำว่า
อะ จะออกเสียงเป็น ดะ เนื่องจากเสื่องเชื่อมจากคำสะกดของคำหน้า
- Weekend - จะออกเสียงเหมือน
/week-kend
/อ่าน
วีคเค็นด์ โดยคำว่า เอ็นด์ จะออกเสียงเป็น เค็นด์ เนื่องจากเสื่องเชื่อมจากคำสะกดของคำหน้า
- L.A. - จะออกเสียงเป็น
/L-la
/อ่าน
แอว เล ไม่ใช่ แอว เอ
- Vineyard (ไร่องุ่นทำไวน์)
- จะออกเสียงเป็น /Vin-neard/อ่าน
ฝวินเนียร์ด ไม่ใช่ วายยาด
- bald eagle
(นกอินทรีย์หัวขาว)
- จะได้ยินเป็น /bal-dea-gle/
บอว์
ทีเกิ้ล หรือ บอว์ ดีเกิ้ล
เสียงสูงต่ำ
ท้ายประโยค
เสียงสูงต่ำท้ายประโยคขึ้นอยู่กับความหมายของประโยค โดย
- ประโยคธรรมดา
ลงเสียงต่ำ
- I like
coffee ลงเสียงต่ำที่คำว่า
coffee
อ่าน
คอป-ฟี
- ประโยคคำถาม
ที่ถามว่า ใช่หรือไม่ ขึ้นเสียงสูง (รวมถึงประโยคที่เป็น tag
question)
- Do you
like coffee? ขึ้นเสียงสูงตรงคำว่า
cofee
อ่าน
คอป-ฟี้
- ประโยคคำถาม
ที่ถามหาคำตอบ ลงเสียงต่ำ
- What do
you like ? ลงเสียงต่ำตรงคำว่า
like
อ่าน
ไหลค์
สำหรับประโยคเดียวกัน
ที่ออกเสียงต่างกัน จะทำให้ความหมายต่างกัน เช่น
- Do you
like tea or coffee?
- ถ้าพูด
คำว่า coffee
ลงเสียงต่ำ
ประโยคนี้จะมีความหมายว่า "อยากได้ ชาหรือกาแฟ (โดยให้เลือกเอา)"
- ถ้าพูด
คำว่า coffee
ขึ้นเสียงสูง
ประโยคนี้จะมีความหมายว่า "อยากได้ ชาหรือกาแฟไหม (โดยถามว่า
เอาหรือไม่เอา)"
ที่มา http://aunchaleegosa.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น